สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านห้วยปลาโดศรีสามารถ
วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555
บทเรียนคอมพิวเตอร์ออนไลน์ เรื่อง การนำเสนอ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านห้วยปลาโดศรีสามารถ
ประเภทการนำเสนอ
1 การบรรยายสรุป (Briefing)
เป็นการนำเสนอด้วยวิธีการอธิบายสถานการณ์
มีการแดงข้อเท็จจริง
และยกตัวอย่างเพื่อสนับสนุนงานนั้น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับข้อมูลเชื่อ
คล้อยตาม ชื่นชม
และสนับสนุนงานที่นำเสนอ
ตัวอย่างการบรรยายสรุป เช่น การนำเสนองานหน้าชั้นเรียน การปราศรัยของนักการเมือง
2
การนำเสนอ (Proposal) เป็นการนำเสนอความคิด แผนงาน
โครงการ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขออนุมัติ
ขอความเห็นชอบ
และให้ผู้ระบข้อมูลปฏิบัติตามสิ่งที่นำเสนอ ตัวอย่างการนำเสนอ เช่น
การสาธิตวิธีการประกอบอาหารผ่านรายการโทรทัศน์ การโฆษณาสินค้า
3 การฝึกอบรม (Training) เป็นการนำเสนอความรู้ ความเข้าใจ
และทัศนคติ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับข้อมูลมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง เช่น
การสอนของครูหน้าชั้นเรียน
การอบรมการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี
วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555
เทคโนโลยีนำเสนอประเภทซอฟต์แวร์
ซอฟแวร์ (Software) คือ
กระบวนการทำงานหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ ซึ่งผู้นำเสนอจะต้องเป็นผู้สร้างขึ้นด้วยตนเอง เพื่อใช้ถ่ายทอดงานไปสู่ผุ้รับข้อมูล
ซอฟแวร์แต่ละประเภทจะนำเสนอข้อมูลที่เหมาะสำหรับนำเสนองานแตกต่างกัน
โดยในหน่วยการเรียนรู้นี้ยกตัวอย่างซอฟแวร์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับซอฟแวร์ระบบของบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งผู้นำเสนอไม่ต้องติดตั้งซอฟแวร์อื่นๆ
เพิ่มเติม เช่น
1. Windows Picture
and Fax Viewer
เป็นซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอภาพนิ่ง
2. Windows Media
Player เป็นซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอเสียง ภาพเคลื่อนไหวหรือมัลติมีเดีย
3. Internet
Explore เป็นซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต
เทคโนโลยีนำเสนอประเภทฮาร์ดแวร์
ฮาร์ดแวร์
(Hardware) คือ เครื่องมือ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
หรืออุปกรณืคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่สามารถจับ ต้องได้ ฮาร์แวร์แต่ละประเภทจะมีลักษณะและเหมาะสำหรับงานนำเสนองานต่างกัน ตัวอย่างฮาร์ดแวร์ที่สนับสนุนการนำเสนองาน เช่น
1. เครื่องฉายภาพข้ามศรีษะหรือเครื่องฉายภาพโปร่งใส
(Overhead Projector)
เป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำเสนอได้โดไม่ต้องรับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ มีลักษณะการทำงานแบบอะนาล็อก (Analog)
โดยอาศัยหลักการหักเหของแสง
ช่วยรำเสนอข้อมูลในรูปแบบตัวอักษรและภาพนิ่งที่ต้องควบคุมการเปลี่ยนข้อมูลโดยผู้นำเสนอจึเหมาะสำหรับใช้ประกอบคำบรรยาย
โดยผู้นำเสนอจะต้องเขียนหรือพิมพ์ข้อมูลที่ต้องการนำเสนอแผ่นโปร่งใส เปิดเครื่องฉายภาพข้ามศรีษะ แล้วนำแผ่นโปร่งใสวางบนแท่นกระจก
เพื่อให้แสงทะลุผ่านแผ่นโปร่งใสจนเกิดเงาบนฉากหลังแบบ 2 มิติ
ปัจจุบันเครื่งฉายภาพข้ามศรีษะไม่นิยมใช้ในการนำเสนองานมากนัก
เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มากขึ้น
2. เครื่องฉายภาพ 3 มิติ (Digital Visualizer)
พัฒนาการมาจากเครื่องฉายภาพข้ามศรีษะและเครื่องฉายภาพทึบแสง (Opaque Projector)
ทำให้เกิดความสะดวกในการนำเสนองานที่เป็นวัตถุ
3 มิติ
โดยไม่ต้องถ่ายภาพวัตถุนั้นไปทำเป็นแผ่นโปร่งใสก่อนนำเสนอ บางรุ่นไม่มีถาดรองวัตถุเพื่อให้ฉายวัตถุขนาดใหญ่มากๆ
ได้ การใช้งานเครื่องฉายภาพ 3
มิติลงบนถาดรองวัตถุหรือเชื่อมต่อกับกล้องจุลทรรศน์ เพื่อแสดงข้อมูลภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
ปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานร่วมกัน
3. จอภาพ (Monitor) ใช้สำหรับเสนองานที่ได้รับจากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เวลาใช้งานจะต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เสมอ เหมาะสำหรับงานนนำเสนอแบบหนึ่งต่อหนึ่ง คือ
มีผู้รับข้อมูล 1 คนต่องานนำเสนอ 1 งาน
มีข้อดีที่สามารถตอยสนองต่อการรับข้อมูลของผู้รับข้อมูลได้ดี เนื่องจากผู้รับข้อมูลสามารถกำหนดการนำเสนองานได้ด้วยตนเองผ่านทางคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันมีการพัฒนาจอภาพอย่างต่อเนื่องทั้งรูปแบบและความละเอียดในการนำเสนองาน จอภาพบางชนิด
สามารถรับข้อมูลจากผู้รับข้อมูลได้โดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลอื่นๆ
เราเรียกจอภาพลักษณะนี้ว่า จอภาพแบบสัมผัส
จอภาพวีจีเอ
จอภาพแบบก๊าซพลาสมา
4. โพรเจกเตอร์ (Projector)
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยนำเสนองานในรูปแบบของตัวอักษร ภาพ
และภาพเคลื่อนไหวเหมือนกับการนำเสนอด้วยจอภาพ
ฉตโพนเจกเตอร์จะขยายสัญญาณที่ได้รับจากคอมพิวเตอร์ไปฉายบนฉากหลังที่มีลักษณะเป็ยจอภาพนาดใหญ่ โพรเจกเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท
ได้แก่
แอลซีดีโพรเจกเตอร์และดีแอลพีโพรเจกเตอร์
4.1 แอลซีดีโพรเจกเตอร์ (LCD : Liquid Crystal
Display Projector) เป็นเทคโนโลยีในรูปแบบอาล็อก
โดบมีหลักการทำงานเมื่อรับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์แล้วจะส่องแสงผ่านของเหลวเพื่อตกกระทบกับแผ่นกระจกสีแดง สีเขียว
และสีน้ำเงินทำให้เกิดข้อมูลส่งไปฉายบนฉากหลัง แอลซีดีโพรเจกเตอร์มีขนาดใหญ่ เนื่อจากขณะใช้งานจะมีความร้อนสะสม จึงต้องติดตั้งพัดลมเพื่อระบายความร้อน ทำให้มีอายุการใช้งานสั้นและดูแลรักษาได้ยากกว่าดีแอลพีโพรเจกเตอร์
4.2 ดีแอลพีโพรเจกเตอร์ (DLP
: Digital Light Processing
Projector) เป็นเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทัล
(Digital) พัฒนามาจากแอลซีดีโพรเจกเตอร์ โดยใช้ชิปที่ประกอยด้วยกระจกขนาดเล็กหลายๆ
ชิ้น
แต่ละชิ้นแทนพิกเซลที่เป็นส่วนประกอบของภาพ เมื่อได้รับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ กระจกขนาดเล็กแต่ละชิ้นจะเอียงเป็นมุมตกกระทบต่อแสงอย่างอิสระ ผ่านแผ่นกระจกสีเขียว สีแดง
และสีน้ำเงินที่หมุนด้วยความเร็วสูง
แล้วประมวลผลจนทำให้เกิดข้อมูลฉายไปยังฉากหลัง ข้อมูลที่ได้จึงมีความละเอียด สมจริง
นอกจากนี้ดีแอลพีโพรเจกเตอร์จะมีขนาดเล็ก
น้ำหนักเบา แต่ราคาแพงกว่าแอลซีดีโพรเจกเตอร์
โพรเจกเตอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบนสามารถนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ 3 มิติหรือฮอโลแกรม (Hologram)
ที่มีลักษณะเป็นข้อมูลเสมือนจริง
แต่ยังไม่นิยมใช้มากนัก
เนื่องจากมีราคาสูงและมีข้อจำกัดในการนำเสนอข้อมูล
5. ลำโพง (Speaker)
จอภาพและโพรเจกเตอร์ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลในรูปแบบเสียงได้
ดังนั้นหากผู้นำเสนองานที่มีเสียงประกอบหรือมัลติมีเดีย
ผู้นำเสนอจะต้องเชื่อมต่ลำโพงกับคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม ลำโพงเหมาะสำหรับการนำเสนองานกับผั้บข้อมูลจำนวนมาก
แต่หากเป็นงานนำเสนอที่มีผู้รับข้อมูลเพียงคนเดียวจะนิยมใช้หูฟัง (Earphone) แทนลำโพง
รูปแบบของงานนำเสนอประเภทไฟล์อิเล็กทรอนิกส์
8 ไฟลล์อิเล็กทรอนิกส์
เป็นรูปแบบการนำเสนองานที่พัฒนามาจากสิ่งพิมพ์ รวมถึงงานรูปแบบอื่นๆ
ที่นอกเหนือจากสิ่งพิมพ์ เช่น ภาพเคลื่อนไหว
เสียง
ปัจจุบันงานหรือข้อมูลเหล่านั้นจะถูกแปลงให้อยู่ในลักษณะของไฟลล์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเก็บรักษา คัดลอก
เปลี่ยนแปลง ตกแต่ง
หรือกระทำการใดๆ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์สามารถนำเสนอข้อมูลได้แทบทุกประเภท
(ปัจจุบันไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สามารถนำเสนอข้อมูลกลิ่นและความรู้สึกได้ แต่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาและสามารถทำได้ในอนาคตอันใกล้นี้)
ปัจจุบันไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ยังไม่ได้รับความน่าเชื่อถือเท่าสิ่งพิมพ์ เนื่องจากไม่สามารถจับต้องได้ และปรับเปลี่ยนข้อมูลจากผู้ใดก็ได้ การใช้งานนำเสนอในรูปแบบนี้
ผู้นำเสนอจะต้องมีความรู้ในการสร้างและการนำเสนองานในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
ตัวอย่างการนำเสนอในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ คลิปเสีย
คลิปวิดีโอ
ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์จะถูกจัดเก็บไว้ในรูปแบบของข้อมูลดิจิทัล
โดยจะสร้างหรือจัดการกับไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งงานนำเสนอรูปแบบนี้จะแสดงลักษณะผ่านทางไอคอนนั้นๆ
ตัวอย่างไอคอนไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทเอกสาร
ตัวอย่างไอคอนไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทรูปภาพ
รูปแบบของงานนำเสนอประภเทสิ่งพิมพ์
8 สิ่งพิมพ์ เป็นรูปแบบของงานนำเสนอที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากสามารถสร้างและนำไปใช้ได้ง่าย ผู้รับข้อมูลสามารถรับข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา
โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีใดๆ ช่วยในการรับข้อมูล จับต้องและแก้ไขได้ยาก สามารถนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตัวอักษร ข้อความ
กราฟ แผนผัง ตาราง
และภาพนิ่งได้
ตัวอย่างงานนำเสนอที่เป็นสิ่งพิมพ์
เช่น เอกสาร รายงาน
บัตรอวยพร ใบปลิว นามบัตร
หนังสือ รูปภาพ ใบประกาศ
หลักการนำเสนอ
การนำเสนอ (present) คือ การถ่ายทอดข้อมูลจากผู้นำเสนอไปยังผู้รับข้อมูลด้ววิธีการต่าง ๆ การนำเสนอมักมีจุดประสงค์ในการถ่ายทอดข้อมูลที่ชัดเจนกว่าการสื่อสารโดยทั่วไป และผู้นำเสนอจะมีบทบาทต่อการนำเสนอมากกว่าผู้รับข้อมูล เนื่องจากการำนเสนอส่วนใหญ่มักเป็นการสื่อสารทิศทางเดียว (Simple Transmission)
หลักการนำเสนองาน
การนำเสนองานเป็นการนำเสนอข้อมูล ชิ้นงาน ผลงาน หรือสิ่งต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอที่ชัดเจน ตัวอย่างการนำเสนองาน เช่น
© การนำเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ผ่านป้ายนิเทศ
© การนำเสนอเทคนิคการพูดผ่านการสัมมนา
© การนำเสนอสินค้าผ่านเว็บไซต์
© การนำเสนอความรู้ผ่านซีเอไอ
© การนำเสนอความคิดเห็นหน้าชั้นเรียน
ผู้นำเสนอจะต้องศึกษาองค์ประกอบ ประเภท ขั้นตอน และเทคนิคการนำเสนองาน เพื่อให้สามารถนำเสนองานตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีที่ใช้ในการนำเสนอ
ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างและนำเสนองานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทบาทต่อการนำเสนองานให้น่าสนใจและสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีใช้ในการนำเสนองานมีทั้งรูปแบบที่ผู้เสนอใช้ประกอบการนำเสนองาด้วยตนเอง
และรูปแบบที่ผู้นำเสนอสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้รับข้อมูลนำไปใช้ได้ด้วยตนเอง
เทคโนโลยีที่ใช้ในการนำเสนองานสามารถแบ่งตามองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้ 2 ประเภท
คือ ฮาร์แวร์และซอฟแวร์
โดยผู้นำเสนอจะต้องใช้ทั้งฮาร์แวร์และซอฟแวร์ประกอบกัน เพื่อถ่ายทอดงานให้แก่ผู้รับข้อมูล
รูปแบบของงานนำเสนอ
การนำเสนองานสามารถทำได้หลายรูปแบบ
แต่ละรูปแบบมีจุดเนและจุดด้อยแตกต่างกัน
ผู้นำเสนอจึงควรพิจารณาเลือกใช้งานนำเสนอ
ดังนี้
J รูปแบบของงานที่ต้องการนำเสนอ เช่น
ตัวหนังสือ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เสียง มัลติมีเดีย
งานนำเสนอบางรูปแบบสามารถนำเสนอข้อมูลได้เฉพาะตัวหนังสือและภาพนิ่ง แต่ไม่สามารถภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้
J ความรู้และความสามารถของผู้นำเสนอ การนำเสนองานในรูปแบบที่ผู้นำเสนอสามารถสร้างและเสนอได้อย่างมีคุณภาพย่อมส่งผลให้การนำเสนองานประสบความสำเร็จมากกว่าการเลือกนำเสนองานในรูปแบบที่ทันสมัย สวยงาม
น่าสนใจ
แต่ผู้นำเสนอไม่สามารถนำเสนอนั้นได้
J การใช้สื่อในการนำเสนองาน
ผ้ำเสนอควรพิจารณาเลือกใช้รูปแบบการนำเสนอที่มีสื่อในการนำเสนองานนั้นๆ
อยู่แล้ว เช่น
ผู้นำเสนอควรเลือกนำเสนองานในรูปแบบเอกสารสิ่งพิมพ์ เนื่องจากมีเครื่องพิมพ์อยู่แล้ว
J ลักษณะของผู้รับข้อมูล เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้รับข้อมูล เช่น
ผู้รับข้อมูลเป็นกลุ่มบุคคลที่นิยมใช้อินเตอร์เน็ตก็ควรเลือกนำเสนองานในรูปแบบของเว็บไซต์
J ความน่าเชื่อถือของงาน
รูปแบบของงานนำเสนอที่ได้รับการยอมรับว่าน่าเชื่อถือมากที่สุด คือ
เอกสารสิ่งพิมพ์ เนื่อวจากแก้ไขยากและจับต้องได้จริง
ส่วนรูปแบบของงานนำเสนอที่ขาดความน่าเชื่อถือมากที่สุด คือ
เว็บไซต์ เนื่องจากผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลของงานนั้นๆ
ได้
รูปแบบของงงานที่นำเสนอที่นิยมใช้มากในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือ
สิ่งพิมพ์และไฟล์อิเล็กทรอนิกส์
เทคนิคการนำเสนอ
4.
เทคนิคการำเสนอ
การนำเสนองานในแต่ละประเภทจะมีเทคนิคในการนำเสนองานแตกต่างกัน
เนื่องจากการนำเสนองานแต่ละประเภทจะมีปัจจัยและปัญหาต่าง ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อการนำเสนองานงานแตกต่างกัน
โดยผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่จะต้อเป็นผู้กำหนดปัจจัยและแก้ปัญหาต่าง ๆ
คือ ผู้นำเสนอ ซึ่งควรมีเทคนิคการนำเสนองาน ดังนี้
4.1 การปรับปรุงลักษณะภายนอก
หากการนำเสนองานนั้นผู้นำเสนอจะต้องพบหรือนำเสนองานงานควบคู่ไปกับการใช้สื่อต่าง
ๆ ผู้นำเสนอจะต้องแต่งกายสุภาพ
เรียบร้อย
และเหมาะสมกับสถานที่
แต่ถ้าหากการนำเสนองานนั้นกระทำผ่านสื่อหรือโพรโทคอลโดยผู้นำเสนอไม่ต้องพบกับผู้รับข้อมูลโดยตรง
สื่อที่ใช้จะมีบทบาทสำคัญมากและต้องดึงดูดความสนใจของผู้รับข้อมูล
4.2 การทำความรู้จักกับผู้รับข้อมูล
เป็นการวิเคราะห์ผู้รับข้อมูลเพื่อให้สามารถเลือกใช้สื่อและโพรโทคอลได้ถูกต้องเหมาะสม
การทำความรู้จักกับผู้รับข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
การซักถามและพูดคุยกับผู้รับข้อมูลก่อนนำเสนองาน การสังเกจลักษณะภายนอกของผู้รับข้อมูลทั้งด้านอายุ เพศ
ทัศนคติ การสอบถามผู้เกี่ยวข้องกับผู้รับข้อมูลหรือผู้จัดการนำเสนอ
4.3 การรักษาเวลา เวลาในการนำเสนองานเป็นสิ่งสำคัญ
ทั้งการนำเสนองานด้วยตนเองและการนำเสนองานผ่านสื่อ
โดยผู้นำเสนอควรไปในสถานที่ที่ต้องนำเสนองานก่อนเวลา 5 –
10 นาที ทั้งนี้เพื่อลดความตื่นเต้น ตรวจสอบงาน
ทำความรู้จักกับผู้รับข้อมูล
และเตรียมความพร้อมของตนเอง นอกจากนี้ผู้นำเสนอจะต้องรักษาเวลาในการนำเสนองานให้ตรงตามกำหนดการ ผู้นำเสนอควรนำเสนองานด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่นำเสนองานนานเกินไป เพราะจะทำให้ผู้รับข้อมูลเกิดความเบื่อหน่าย และไม่นำเสนองานด้วยเวลาที่น้อยเกินไป เพราะจะทำให้ผู้รับข้อมูลไม่เข้าใจงานที่นำเสนอ
4.4 การฝึกฝนก่อนนำเสนอจริง เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้นำเสนอ ประมาณเวลาที่ใช้ในการนำเสนองาน
และทำให้รู้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในการนำเสนอจริง การฝึกฝนก่อนการนำเสนอจริง
ผู้นำเสนอจะต้องฝึกฝนอย่างจริงจังและมีผู้รับข้อมูลเพื่อคอยแนะนำวิธีการนำเสนองานนั้น
ๆ แต่ถ้าการนำเสนอนั้นกระทำผ่านสื่อต่าง ๆ ผู้นำเสนอจะต้องตรวจสอบก่อนนำไปใช้จริง
4.5 การใช้ภาษา
ผู้นำเสนอจะต้องเลือกใช้ภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้รับข้อมูลโดยเอกใช้คำง่าย
ๆ สื่อความหมายได้ชัดเจน
หากเป็นการนำเสนอด้วยการพูด
ควรพูดด้วยเสียงดัง ฟังชัด
มีการใช้น้ำเสียงสูงและต่ำสลับกันไปตามความสำคัญของเนื้อหาที่นำเสนอ ไม่ควรนำเสนอด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
เป็นโทนเดียวกัน
เพราะจะทำให้ผู้รับข้อมูลเกิดความเบื่อหน่ายและไม่เข้าใจประเด็นสำคัญในการนำเสนองานนั้น
หากเป็นการนำเสนอผ่านสื่อก็ควรมีการเน้นข้อความ มีการกำหนดหัวข้อหลัก หัวข้อรองที่เหมาะสมและสอดคล้องกับงานที่นำเสนอ
4.6 การสร้างความสนใจ ในการนำเสนองานที่ใช้เวลานาน
ผู้นำเสนอจะต้องหาวิธีสร้างความสนใจสลับในเนื้อหา เพื่อไม่ให้ผู้รับข้อมูลเกิดความเบื่อหน่าย เช่น
ยกตัวอย่างข้อมูลของงานนนำเสนอที่เกี่ยวข้องการผู้รับข้อมูล สอกแทรกอารมณืขัน เปรียบเทียบเนื้อหากับสถานการณ์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ในขณะที่พูดนำเสนอจะต้องมอหน้าและสบตากับผู้รับข้อมูลอย่างเป็นมิตร ยิ้มแย้ม
แสดงทัศนคติบวก
มีการเคลื่อนที่หรือแสดงท่าทางประกอบการนำเสนอข้อมูลที่เหมาะสม
หากเป็นการนำเสนองานผ่านสื่อจะต้องมีการใช้ภาพ เสียง
หรือมัลติมีเดียต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้รับข้อมูล
4.7 การตอบคำถาม
เมื่อผู้รับข้อมูลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาที่นำเสนอและต้องการซักถาม ผู้นำเสนอจะต้องฟังคำถามให้จบ ไม่สอดแทรกหรือขัดจังหวะผู้ถาม กล่าวขอบุณผู้ถามที่ถามคำถามดังกล่าว
และตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็นในทางบวกต่อคำถามนั้น หากพบคามที่ไม่สามารถตอบได้
ก็ควรแสดงความสนใจและรับที่จะค้นหาข้อมูลมาตอบคำถามนั้นในภายหลัง
4.8 การเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม
จัดเป็นเทคนิคสำคัญต่อการนำเสนอข้อมูลในปัจจุบัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ซึ่งผู้นำเสนอจะต้องมีความสามารถในการใช้สื่อและทดลองใช้สื่อนั้นๆ
ก่อนการนำเสนองานจริง
ขั้นตอนในการนำเสนอ
3.
ขั้นตอนในการนำเสนอ
ผู้นำเสนอควรปฏิบัติตามขั้นตอนในการนำเสนองาน ดังนี้
3.1
ขั้นเตรียมตัว
เป็นขั้นตอนที่ผู้นำเสนอต้องเตรียมตนเองให้พร้อม ทำความเข้าใจกับงานที่จะนำเสนอ ตั้งวัตถุประสงค์ในการนำเสนองาน วิเคราะห์ผู้รับข้อมูล สร้างหรือเลือกใช้สื่อและโพรโตคองก่อนนำเสนองาน
3.2 ขั้นนำเสนอ เป็นขั้นตอนในการถ่ายทอดข้อมูลให่แก่ผู้รับข้อมูล การนำเสนองานสามารถทำได้ 2 แนวทาง
ได้แก่
การนำเสนองานกับผู้รับข้อมูลโดยตรง
ซึ่งผู้นำเสนอจะต้องนำเสนองานกับผู้รับข้อมูลโดยใช้สื่อต่าง ๆ
ช่วยในการนำเสนองาน
และอีกแนวทางหนึ่ง คือ การนำเสนองานผ่านสื่อต่าง ๆ
ซึ่งผู้นำเสนอจะไม่ได้พบกับผู้รับข้อมูลโดยตรง
แต่จะนำเสนอผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ แทน
การนำเสนองานในขั้นตอนนี้ยังแบ่งเป็นขั้นตอนย่อยได้ดังนี้
องค์ประกอบการนำเสนอ
1.
องค์ประกอบในการนำเสนองาน
แบ่งออกเป็น 5 องค์ประกอบ ดังนี้
1.1 ผู้นำเสนอ เป็นผู้ที่มีบทบามสำคัญที่สุดในการนำเสนอ
ผู้นำเสนอที่ดีจะต้องวิเคราะห์ผู้รับข้อมูล ศึกษางานหรือข้อมูลนั้น
ตลอดจนสร้างหรือเอกใช้สื่อและโพรโตคอลที่มีคุณภาพ
เพื่อให้การนำเสนองานนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
1.2 ผู้รับข้อมูล เป็นผู้รับข้อมูลจากผู้นำเสนอ
ถ้ามีการนำเสนอที่ดีผู้รับข้อมูลจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ผู้นำเสนอต้องการ
1.3
งาน
เป็นสิ่งที่ผู้นำเสนอต้องการถ่ายทอดให้แก่ผู้รับข้อมูลผ่านสื่อและโพรโตคอลต่าง
ๆ
1.4
สื่อ
เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไปยังผู้รับข้อมูล สื่อพื้นฐานในการนำเสนองาน คือ
อากาศ เช่น การนำเสนอสินค้าของพนักงานด้วยการพูดคุยกับผู้ซื้อสินค้า
ปัจจุบันสื่อที่ใช้ในการนำเสนอมีพัฒนาการมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ
มาช่วย เช่น การนำเสนอสินค้าผ่านทางข้อความในโทรศัพท์เคลื่อนที่
1.5 โพรโตคอล
เป็นวิธีการที่ผู้นำเสนอใช้ถ่ายทอดงานให้แก่ผู้รับข้อมูล โพรโตคอลมีทั้งแบบเฉพาะเจาะจง คือ
ผู้รับข้อมูลจะรับข้อมูลจากการนำเสนองานนั้นโดยตรง เช่น
การเข้าร่วมสัมมนา การอบรม การใช้เว็บไซต์ส่งเสริมการศึกษา และโพตโตคอลแบบไม่เฉพาะเจาะจง คือ
โพรโตคอลที่ผู้นำเสนอแฝงข้อมูลที่ต้องการนำเสนอไว้ในสื่ออื่น ๆ
และผู้รับข้อมูลไม่ตั้งใจที่จะรับข้อมูลนั้น
แต่ถูกผู้นำเสนอโน้มน้าวให้เกิดตามวัตถุประสงค์ของการนำเสนองานนั้น เช่น
การโฆษณาสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ
องค์ประกอบในการนำเสนอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)